จิตวิญญาณของ Jug Band คือการปลดปล่อยความรู้สึกออกมาผ่านทางเนื้อร้องทำนองเพลง เป็นการรวมตัวกันของเหล่าคนชายขอบ คนที่ไม่ได้เป็นศิลปินใหญ่อะไรในวงการ แต่เป็นผู้ที่ชื่นชอบและรักในเสียงเพลง ดนตรีสไตล์ Jug Band จึงมักออกมาในแบบเพลงคันทรี เพลงบลู Jazz อะคูสติก ซึ่งถ้าเป็นของไทย ก็ถือว่าใกล้เคียงกับเพลงเพื่อชีวิตที่มุ่งสะท้อนสภาพสังคม แต่ Jug Band นั้นยังต่างออกไปอีก เพราะไม่ได้มองโลกในภาพลบที่เลวร้ายเสมอไป แต่เป็นการร้องเพลงเพื่อสะท้อนชีวิตด้วยความรู้สึกในทางบวก เพลงเน้นความซาบซึ้งจากจิตวิญญาณ ถ้าให้นึกเทียบกับของไทย ก็คือเพลงในแบบเบเกอรี่มิวสิคก็ว่าได้
สำหรับวง South austin Jug Band คือการรวมตัวกันระหว่างวัยรุ่นจาก Texas ทั้ง 5 คน ที่เพียงต้องกาถ่ายทอดดนตรีในแบบของพวกเขาออกไปสู่ผู้ฟัง ในยุคที่ดนตรีอเมริกันและยุโรปกำลังต้องการจุดเปลี่ยนใหม่ หลังจากเข้ายุค 70 ซึ่งเป็นบรรยากาศของพวกฮิปปี้ บุบผาชน การมาของดนตรี Pop Jazz Blue ที่เป็นดนตรีซึ่งฉีกขนบเดิมๆ ไม่ต้องการอยู่ในรูปแบบเก่าคร่ำครึหรือแบบแผนของดนตรีคลาสสิก ทำให้สไตล์ของดนตรียุคนี้มีลักษณะที่คล้ายกันอย่างหนึ่งคือ การเล่นแต่ละครั้ง จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่มีการจำกัดรูปแบบ ด้วยความที่นักดนตรีตามผับหรือบาร์ในยุคนี้กำลังเป็นที่นิยมมาก นี่จึงเป็นเวทีของนักดนตรีเหล่านี้ได้โชว์ความสามารถ เพราะต้องการดึงดูดลูกค้าหรือคนฟังให้เข้ามาดื่มกินแล้วฟังเพลงไปด้วย ดังนั้นสไตล์เพลงที่เล่นจึงไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน เพลงๆเดียวกัน เมื่อเล่นด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไปในวันถัดมา หรืออาทิตย์ถัดไป หรือหนึ่งเดือนถัดไป พร้อมจะเปลี่ยนท่วงทำนองไปได้ทุกเมื่อ นี่เป็นรูปแบบใหม่ที่ทำให้คนฟังตื่นตาตื่นใจมาก เพราะเท่ากับว่าเมื่อพวกเขามาฟังดนตรีเหล่านี้ในแต่ละวัน หรือแต่ละอาทิตย์ จะไม่ซ้ำกันเลย แม้ว่าอาจจะเป็นเพลงเดียวกันก็ตาม เป็นการเลิกยึดติดกับตัวโน้ต แต่เน้นขับออกมาทางอารมณ์และจิตวิญญาณเป็นหลัก
พวก South austin Jug Band ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่เล่นเพลงสไตล์นี้ ไม่ต้องสนใจแบบแผนอะไรให้เป๊ะมากนัก เพลงสไตล์ Blue ซึ่งพวกนักร้องผิวดำอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันได้บุกเบิกแล้ววางรากฐานไว้นั้น พวกเด็กหนุ่ม Texas ก็นำมาสร้างสรรค์ในแบบของพวกเขาบ้าง นี่จึงนำไปสู่การแต่งเพลงดังๆมากมาย เช่น Little Wing, Grateful Dead, Friend of the Devil ด้วยการไม่ยึดติดกับตัวโน้ตและทำนองเพลงนี่เอง เป็นเสน่ห์ของพวก Jug Band ที่แพร่หลายไปสู่เพลงแนวอื่นๆด้วย ที่สำคัญคือ บทเพลงของพวกเขาสามารถบอกเล่าประวัติศาสตร์ของผู้คน การใช้ชีวิต วิถีทางสังคมที่ยากลำบากในยุคหลังสงคราม และการประท้วงสงครามเวียดนาม ช่วงเวลาในสงครามเย็น และอื่นๆ
อีกจุดคือ เพลงเหล่านี้สามารถร้องตามง่าย ไม่ได้มีแบบแผนเคร่งครัดมากนัก ใครๆก็สามารถอินกับมันได้ (อย่างน้อยก็คนในช่วงเวลานั้นๆ) โดยใช้เครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น